สายดิน (Ground System) คืออะไร ทำไมทุกบ้านถึงต้องมี

สายดิน (Ground System) คืออะไร? ทำไมทุกบ้านถึงต้องมี?
สายดินคืออะไร?
สายดิน (Ground) คือสายไฟที่เชื่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือโครงสร้างโลหะต่าง ๆ เข้ากับหลักดิน เมื่อเกิดไฟฟ้ารั่ว กระแสจะไหลลงดินทันที ช่วยป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายผู้ใช้งาน ทำให้ปลอดภัยต่อทั้งคนและอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านหรืออาคาร
ทำไมต้องมีสายดิน?
- ป้องกันไฟดูด เมื่อมีไฟรั่ว กระแสจะไหลลงดินแทนที่จะไหลผ่านคน
- ป้องกันไฟไหม้ เพราะระบบจะตัดไฟเร็วขึ้นเมื่อมีไฟรั่ว
- เพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
- ทำงานร่วมกับเบรกเกอร์กันดูด (RCBO / ELCB) ได้ดีที่สุด
หลักการทำงานของสายดิน
เมื่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดกระแสผิดปกติ เช่น สายชำรุดหรือฉนวนเสื่อม ปกติแล้วกระแสจะไหลผ่านตัวถังโลหะซึ่งเสี่ยงต่อผู้ใช้งาน แต่หากมีการเดินสายดินที่ถูกต้อง กระแสรั่วจะถูกส่งลงดินทันที พร้อมกระตุ้นให้เบรกเกอร์กันไฟรั่วทำการตัดวงจรอัตโนมัติ
ส่วนประกอบของระบบสายดิน
| องค์ประกอบ | หน้าที่ |
|---|---|
| สายกราวด์ (Ground Wire) | พากระแสไฟรั่วไหลลงสู่หลักดิน |
| หลักดิน (Ground Rod) | เป็นตัวรับกระแสไฟฟ้าที่รั่วและส่งลงสู่พื้นดิน |
| Busbar Ground | เชื่อมระบบกราวด์ของทั้งอาคารเข้าด้วยกัน |
| Earthing System | ระบบรวมสายดินสำหรับบ้านหรือโรงงาน |
วิธีตรวจสอบว่าสายดินบ้านเราทำงานปกติหรือไม่
- เต้ารับมีรู สายดิน และเชื่อมต่อถึงหลักดินจริง
- ใช้ไขควงวัดไฟแตะที่ตัวถังโลหะของอุปกรณ์ หากไฟขึ้นแสดงว่ามีไฟรั่ว
- ตรวจสอบค่าความต้านทานดิน (Earth Resistance) ควรต่ำกว่า 5 โอห์ม
สรุป
ระบบสายดินเป็นสิ่งที่ทุกบ้านและอาคารควรมีอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากไฟดูด ไฟฟ้าช็อต และไฟไหม้ ถือเป็นระบบป้องกันความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในงานไฟฟ้า การติดตั้งให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยให้ปลอดภัยในระยะยาว
อ้างอิงรูปภาพประกอบ
https://www.familyhandyman.com/article/electrical-grounding/


